วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3 วิเคราะห์ข่าว



ครู-นักเรียนฮือขับไล่ ผอ.ร.ร.สตรีชัยภูมิ กล่าวหาบริหารไม่โปร่งใส พฤติกรรมอันธพาล

กลุ่มครู ผู้ปกครองและนักเรียน โรงเรียนสตรีชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ชุมนุมขับไล่ นายสมชาย คำพิทักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวหาบริหารงานไม่โปร่งใสส่อทุจริตและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม วันนี้ ( 25 ก.ย.)

http://www.manager.co.th/images/blank.gif
        ชัยภูมิ - กลุ่มครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ร.ร.สตรีชัยภูมิ สุดทนชุมนุมขับไล่ ผอ.โรงเรียน กล่าวหาบริหารงานไม่โปร่งใสส่อทุจริต เล่นพรรคพวก และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอันธพาลก้าวร้าวสร้างความแตกแยก ทำโรงเรียนเสียหาย พร้อมยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมให้สั่งย้ายด่วน ด้าน สพม.30 สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง
      
       วันนี้ (25 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนโรงเรียนสตรีชัยภูมิ จำนวนกว่า 100 คน นำโดย นายมิลินทร์ กำลังเหลือ อาจารย์ประจำโรงเรียนสตรีชัยภูมิ ได้เดินทางมาชุมนุมขับไล่ นายสมชาย คำพิทักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมชูป้ายข้อความโจมตีการทำงานของนายสมชาย ว่า ไม่มีความโปร่งใส ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจนำกำลังมาดูแลความสงบเรียบร้อย
      
       นายมิลินทร์ กำลังเหลือ อาจารย์ประจำโรงเรียนสตรีชัยภูมิ เปิดเผยว่า คณะครู และนักเรียนไม่พอใจการทำงานของ นายสมชาย ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม แบ่งพรรคแบ่งพวก และเรียกรับเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนในการรับเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษา อย่างน้อยรายละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท
      
       นอกจากนี้ มีการนำเงินนอกงบประมาณไปใช้จ่ายส่อเจตนาทุจริต และไม่มีการชี้แจงให้คณะครู และบุคลากรทราบ เช่น เงินรายได้จากการจำหน่ายอาหารของร้านค้าภายในโรงเรียน เงินรายได้จากร้านค้าสวัสดิการโรงเรียน และยังร่วมมือกับครูในโรงเรียนใช้อาคารเรียนเปิดร้านขายกาแฟ โดยโรงเรียนไม่ได้รับประโยชน์ ทั้งยังเสียแหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนด้วย
      
       ขณะเดียวกัน ยังเรียกเก็บเงินค่าส่งข้อความ (SMS) จากนักเรียน แต่ไม่ค่อยส่ง SMS เท่าที่ควร บริหารงานไม่โปร่งใส ไม่มีใครรู้นอกจากนายสมชาย และพรรคพวก และจัดวางคนของตนเองในตำแหน่งต่างๆ ในโรงเรียนเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดซื้อจัดจ้าง ปลดคนที่มีความเห็นแย้งออกจากเจ้าหน้าที่ มีพฤติกรรมอันธพาลพูดจาก้าวร้าวไม่สุภาพต่อผู้ปกครอง ด่าบุพการีของครูในที่ประชุมผู้ปกครอง ใช้กำลังทำร้ายร่างกายครูในโรงเรียน สร้างความแตกแยก และเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียน และยังชอบโพสต์ภาพลามกในกลุ่มไลน์ของโรงเรียนไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งโดยไม่ละอาย และไม่ให้เกียรติครูสภาพสตรี และขาดหลักธรรมาภิบาลในการบริหารงาน
      
       ฉะนั้นวันนี้กลุ่มครู และนักเรียนจึงรวมตัวกันเดินทางมาชุมนุมเรียกร้องผู้บริหารของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา(สพม.) เขต 30 ชัยภูมิ และผู้ที่เกี่ยวข้องสั่งย้ายนายสมชาย ออกจากโรงเรียนโดยด่วน เพราะหากปล่อยให้ นายสมชาย บริหารงานต่อไปจะทำให้โรงเรียนสตรีชัยภูมิมีแต่ความแตกแยก ไม่มีการพัฒนา และทำให้เกิดความเสียหายแก่โรงเรียน
      
       จากนั้นตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ โดยมี นายธนิต ภูมิถาวร และ พ.ท.สุรชัย ชอบชื่น รองหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ ผู้ได้รับมอบหมายมารับหนังสือ พร้อมประสานไปยังผู้อำนวยการ สพม.30 ให้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อไป ซึ่งสร้างความพอใจให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมจึงพากันเดินทางกลับด้วยความสงบเรียบร้อย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ http://www.manager.co.th/images/blank.gif25 กันยายน 2558 22:23
http://www.manager.co.th/local/viewnews.aspx?NewsID=9580000108471

วิเคราะห์ข่าว
                จากการที่กลุ่มครู ผู้ปกครองและนักเรียน โรงเรียนสตรีชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ชุมนุมขับไล่ นายสมชาย คำพิทักษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนในข้อหา กล่าวหาบริหารงานไม่โปร่งใสส่อทุจริตและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมนั้น เป็นเพราะคณะครู และนักเรียนในโรงเรียนได้เล็งเห็นถึงการทำงานที่ผิดปกติของท่านผู้อำนวยการทั้งการบริหารงานไม่โปร่งใสส่อทุจริต เล่นพรรคพวก และมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอันธพาลก้าวร้าวสร้างความแตกแยก ทำโรงเรียนเสียหาย อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บเงินอย่าไงไม่มีเหตุผลจากครู และผู้ปกครองของนักเรียน โดยไม่ได้มีการแจกแจงให้ละเอียดว่าจะนำเงินไปใช้ในส่วนใด เป็นเหตุให้กลุ่มครู ผู้ปกครองและนักเรียนต้องประท้วงขับไล่
          ดิฉันคิดคิดว่าการบริหารต้องกระทำอย่างสุจริตและโปร่งใส ไม่เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ จ้องรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น ต้องมีการทำงานที่มีหลักฐานสามารถตรวจสอบได้ การเป็นผู้นำต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้เหมาะแก่การเป็นผู้นำ ยิ่งเป็นระดับผู้บริหารการศึกษาส่งผลให้การศึกษาเกิดความเสื่อมถอย หมดที่น่าเชื่อถือ อาจส่งผลให้การศึกษามีึคุณภาพต่ำลงขาดความเชื่อมั่นจากคนในสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น